เอาใจคนรักสุขภาพ – รีวิวหม้อทอดไร้น้ำมัน

บทความนี้เขียนจากใจแอดมินจริง ๆ ครับ เนื่องจากเป็นคนรักสุขภาพแต่ว่าชอบกินของทอด ฮ้าๆๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟรนฟรายน์ น่องไก่ทอด ปีกไก่ทอด ลูกชิ้น ไส้กรอก และสารพัดของทอด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะซื้อมาจากนอกบ้าน เพราะเน้นสะดวกสบาย และสิ่งที่มาพร้อมกับของทอดนอกบ้าน คือ น้ำมันที่ติดมากับของทอดที่เยอะจนไม่รู้จะเยอะไปไหน ยกตัวอย่างไก่ทอดจากร้านฟาสฟู๊ดส์ชื่อดัง หากใช้กระดาษซับมันมานั่งซับน้ำมัน คงได้น้ำมันเป็นถ้วยเลยแหละครับ และโดยเฉพาะส่วนหนังไก่ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ชื่นชอบกันมาก ๆ เพราะมันกรอบ และอร่อย จริง ๆ ผมก็กินนะ ฮ้าๆๆ

กว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันได้ ผมได้ค้นรีวิวจากหลาย ๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากบอร์ด pantip

จากภาพประกอบข้างต้น เป็นการถามหาข้อดีข้อเสียระหว่าง philips กับ tefal ซึ่งก้ได้คำตามจากสมาชิก ดังนี้

Phillips <== เหมาะกับงานทอดที่ไม่ต้องการใช้น้ำมันและเอาน้ำมันจากของที่ทอดออกไปด้วย แต่ที่ตามมาคืดจะออกแห้งๆไม่ฉ่ำเหมือนที่ จขกท บอก แต่มันก็ไม่เลวร้ายเท่าไร เอาหมูสับปั้นเป็นก้อนๆแล้วเอาไปทอด ข้างในฉ่ำมากๆเวลาทำเสร็จ แต่มันทำได้แต่ของทอดเป็นหลักไม่หลากหลายแบบของ Tefal

Tefal <== มีใบพายคอยกวนอาหาร ถ้าเอามาใช้กับพวกผัดดูเหมาะดี ของทอดก็มีตัวช่วยกลับ น้ำมันที่ออกมาช่วยยังอยู่ในกะทะไม่ได้หายไปไหน ของทอดเลยดูเหมือนของทอดกะทะใส่น้ำมันหน่อย

Tefal เท่าที่ดูรีวิว ติดตรงตั้งเวลาพอครบแล้วมันแค่มีเสียงบอกแต่ไม่หยุดทำงาน ของ Phillips พอครบเวลาเครื่องหยุดทำงานทันที แต่มันมองไม่เห้นข้างใน ต้องดึงออกมาดูบ้างกันไหม้

ถ้าเน้นของทอดต้องการลดน้ำมันไม่ว่าจะจากน้ำมันที่เอามาทอดหรือน้ำมันจากของที่เอามาทำหรือของที่เคยทอดด้วยน้ำมันมาแล้วกินไม่หมดเข้าตู้เย็นไว้เอามาทอดซ้ำลดการอดน้ำมันแถมดึงน้ำมันเดิมที่มีอยู่ในนั้นออกมาได้ Phillips เหมาะมากๆ

ถ้าต้องการความหลากหลายในการทำอาหารได้ทั้ง ทอด ทั้ง ผัด และแค่ไม่อยากได้น้ำมันเพิ่มจากน้ำมันพืช แต่น้ำมันที่ออกมาจากอาหารยัง ok อยู่ Tefal ก็ ok นะ

เมื่อเห็นความแตกต่างของแต่ละแบรนด์แล้ว เพื่อน ๆ คงพอจะได้ข้อมูลตัดสินใจกันบ้างแล้วนะครับ ส่วนใครที่อยากดูสินค้า หรือเลือกซื้อมาไว้ใช้ ลองดูที่ตารางด้านล่างนี้ได้เลยครับ ผมได้เลือกรุ่นที่ น่าสนใจ ราคาไม่แพงมาไว้ให้ดูกันแล้วครับ

[wpsm_comparison_table id=”4″ class=””]

เพื่อน ๆ ลองใช้รุ่นไหนกันบ้างแล้ว อย่าลืมเอาข้อมูลมาแบ่งปันกันนะครับ

[wpsm_comparison_table id=”4″ class=””]

กาแฟดำ เพิ่มประสิทธิ์ภาพในการออกกำลังกายได้จริงหรือ ?

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกท่านที่ติดตามอ่านบล็อก smartbody.in.th ทุก ๆ ท่านนะครับ สำหรับหัวข้อในวันนี้เป็นคำถามที่ผมได้ยินจากนักเรียนคอร์สเทรนนิ่งออนไลน์และออฟไลน์ วันนี้เลยขอนำมาสรุปเป็นเรื่องเป็นราวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน

และหลาย ๆ คนชอบดื่มกาแฟในชีวิตประจำวันซะส่วนใหญ่ บางคนวันละแก้ว บางคน 2-3 แก้วต่อวัน และส่วนมากจะเป็นกาแฟที่เติมนม เติมน้ำตาลซะเยอะ ซึ่งกาแฟเหล่านี้มีความอร่อย หอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น กระปรี้กระเปล่า แต่ในความอร่อย หอมหวาน ก็แฝงไปด้วยแคลอรี่จากนมและน้ำตาลเยอะมาก ๆ บางคนมีเติมวิปครีม คาลาเมล เพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องแคลอรี่ ที่เป็นสาเหตุทำให้อ้วน และน้ำหนักขึ้นกันเลยครับ แต่มันก็อร่อยนะ 555 !!!

สำหรับคอกาแฟ หรือคนที่ชื่นชอบกาแฟ ผมอยากจะแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาดื่มเป็นกาแฟดำแทน ซึ่งแน่นอนว่ากาแฟดำ ไม่เติมน้ำตาล ไม่เติมนม แคลอรี่น้อย ไม่อ้วน น้ำหนักไม่ขึ้นอย่างแบบแรกครับ

ในกาแฟดำ จะมีคาเฟอีนผสมอยู่ ซึ่งคาเฟอีนเป็นเคมีที่ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปล่า และสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น ดังนั้น กาแฟดำจะเปลี่ยนได้ว่า เป็นตัวช่วยในการเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการออกกำลังกายให้ได้นาน และมีสมาธิมากขึ้น แบบอ้อม ๆ หรือบางคนจะมองว่าโดยตรงก็ไม่ผิดครับ แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมมองว่าเป็นผลประโยชน์แบบอ้อม ๆ ครับ เนื่องจากผมดื่มกาแฟ เพราะชื่นชอบในกลิ่นและรสชาติของกาแฟ

คำแนะนำ ควรดื่มกาแฟดำ ก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30-60 นาที ซึ่งกาแฟดำ คาเฟอีน จะช่วยกระตุ้นประสาท ทำให้ร่างกายตื่นตัว และออกกำลังกายได้นานขึ้น เมื่อออกกำลังกายได้นานขึ้น ก็ส่งผลให้เกิดการเผาผลาญได้มากขึ้นนั้นเองครับ

คำเตือน ควรเช็คสภาพร่างกายตัวเองให้สม่ำเสมอ ไม่ออกกำลังกายหักโหมเกินไป ไม่งั้นเกิดอันตรายขึ้นกับตัวแล้วจะอดออกกำลังกายไปนานนะครับ

เพิ่มเติมในส่วนของประเภทของกาแฟดำกันสักนิดนะครับ ซึ่งที่ผมรู้จักอยู่จะมี 2 แบบ นั้นคือ

  1. Drip coffee รูปแบบนี้จะใช้วิธีการชงด้วยน้ำร้อน คือใช้น้ำร้อนค่อย ๆ รินผ่านกากกาแฟ ผ่าน paper filter ค่อย ๆ หยดลงแล้วครับ วิธีนี้จะได้คาเฟอีนที่สูงกว่าวิธี cold brew coffee
  2. Cold Brew Coffee รูปแบบนี้จะเป็นกาแฟสกัดเย็น เป็นกาแฟดำเช่นกันครับ ใช้น้ำเปล่าอุณภูมิห้อม ค่อย ๆ หยดผ่านตัวกากกาแฟ เรื่อย ๆ กรรมวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 16-18 ชั่วโมง กว่าจะ brew เสร็จ เรียกว่าคนที่ชื่นชอบกาแฟแบบนี้ ต้องความอดทนสูงกันหน่อยนะครับ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มองหากาแฟดำ แบบสกัดเย็น หรือ Cold Brew Coffee สามารถสั่งซื้อได้ที่ https://freshbrewedcoffee.in.th ราคาจำหน่ายเพียงขวดละ 75 บาท มีบริการจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ ด้วยนะครับ