“หากการลดน้ำหนักไม่มีเป้าหมาย ก็เปรียบเสมือนการอกเรือโดยไร้เข็มทิศนำทาง แต่การลดน้ำหนักที่ปราศจากแผนการเหมือนเดินเรือโดยไม่มีแผนที่ เรือก็จะเท่งเต้งในทะเล ลมพัดมา พายุแรงก็ล่ม เจอปัญหาอุปสรรคการลดน้ำหนักก็ล้มเลว ” – Ninlatip Rabonin
ต่อจากตอนที่ 1 การสำรวจตัวเอง เพื่อน ๆ คงได้ทำการสำรวจกันไปบ้างแล้วใช่ไหมครับ สำหรับขั้นตอนต่อมาผมจะนำเสนอการตั้งเป้าหมาย เพื่อให้การเริ่มต้นลดน้ำหนักของเราเป็นไปอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน ไม่เหมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเลหาฝั่งไม่เจออย่างวลีข้างต้นที่ผมยกมา
ขั้นตอนที่ 2 การกำหนดเป้าหมายเพื่อความสำเร็จ ในที่นี้ผมนิยามประโยชน์ของการกำหนดเป้าหมายเพิ่มเข้ามาอีก คือ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นให้กับเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งการกำหนดเป้าหมายนั้น มีความหมายแฝงอยู่ในตัว จะมีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
[adsense-1]
- เราต้องชัดเจนเรื่องตัวเลขที่จะลด เช่น ลดจาก 65 เหลือ 55
- เราต้องชัดเจนเรื่องระยะเวลาที่จะลด เช่น 6 เดือน 10 เดือน 12 เดือน เป็นต้น
- เราต้องชัดเจนเรื่องจำนวนวันในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์ เช่น 4 วันต่อสัปดาห์ หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นต้น
- เราต้องมีโมเดลในใจที่เราฝันอยากจะเป็น เช่น นางแบบ-นายแบบ , ดาราฮอลลี่วู๊ด , นักกีฬา เลือกคนที่ชอบมาสักคนครับ
- ชัดเจนถึงการฝันอยากใส่ชุดสวย ๆ แบบดารานางแบบ เปลี่ยนความฝันให้เป็นจริง
- ต้องการที่จะสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ โดยการสร้างภูมิต้านทานที่ดีกว่า
- ลบความสบประมาทจากคนรอบข้าง ที่ชอบเรียกคุณว่า “คุณอ้วน”
- เลือกภาพพักหน้าจอเป็นรูปคนที่หุ่นสวย ๆ หุ่นดี ๆ
อีกมากมายเหตุผล ซึ่งมีทั้งนามธรรม และรูปธรรม เพื่อน ๆ สามารถเขียนลงบนกระดาษใส่ไว้ในกระเป๋าเงินเล็ก ๆ แล้วหยิบมาดูบ่อย ๆ ทีนี่ผมจะมาอธิบายเพิ่มเติมแต่ละข้อกันน่ะครับ ว่าทำไมเราถึงกำหนดเป้าหมายแบบนั้น
[adsense-1]
ความชัดเจนด้านตัวเลขบนตาชั่ง แน่นอนว่าคนที่เริ่มต้นลดน้ำหนักแรก ๆ จะกังวลเกี่ยวกับตัวเลขบนตาชั่งเอามาก ๆ ถึงแม้ว่าเทรนเนอร์จะบอกสักกี่ครั้งก็แล้วแต่ว่าอย่าไปสนใจเรื่องตัวเลขบนตาชั่งให้มาก แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผล แต่รู้ไหมครับว่าตัวเลขนี้แหละ ที่ช่วยสร้างความภูมิใจและแรงผลักดันให้กับคนที่ลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี แต่ควรเข้าใจหลักการในการลดน้ำหนักตามธรรมชาติสักนิดน่ะครับ โดยปกติการลดน้ำหนักแบบให้ได้ผลยั่งยืน ควรลด 1-4 กิโลกรัมต่อเดือน ไม่ควรมากไปกว่านี้ ซึ่งอาจจะเป็นการโหมร่างกายมากเกินไป และไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอนครับ
ความชัดเจนเรื่องเวลา อ้างอิงจากหัวข้อบน ผมได้บอกไว้คือ ควรลดน้ำหนัก ไม่เกิน 4 กิโลต่อเดือน นั้นหมายความว่า หากเราต้องการลดน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ก็อาจจะต้องใช้เวลา 2.5 – 3 เดือน เพื่อให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น ตัวเวลาจะเป็นการทดสอบความอดทน ความสม่ำเสมอให้กับเรา และเมื่อเราลดได้ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้ว เราอาจจะตั้งเป้าหมายใหม่ คือ การรักษาน้ำหนักระดับนี้ต่อไป เพื่อน ๆ ผมหลาย ๆ คนพอออกกำลังกายลดน้ำหนักไปได้สักพัก แล้วมักจะเปลี่ยนเป้าหมาย คือ รักษาน้ำหนักเดิมหรือค่อยข้างจะเพิ่มน้ำหนักไว้ และหันไปเพิ่มความแข็งแกร่ง และความฟิตแอนด์เฟิร์มให้กับร่างกายมากขึ้น ผมเชื่อว่า อีกไม่นาน พอเพื่อน ๆ เสพติดการออกกำลังกาย เรื่องการลดน้ำหนักแทบจะลืมไปเลย
ความถี่ในการออกกำลังกาย เป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่าเราจะมีความจริงใจ และซื่อสัตย์ต่อตัวเองมากแค่ไหน เช่น ตั้งเป้าหมายไว้ จะออกกำลังกาย 4 วันต่อสัปดาห์ ก็ต้องทำให้ได้ตามที่กำหนด โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเราสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ประมาณ 3 สัปดาห์ เรื่องความถี่จะกลายเป็นเรื่องง่ายแทบไม่ต้องฝืนตัวเอง แต่ส่วนมากไม่เกิน 2 สัปดาห์ ก็จะเริ่มท้อกัน มีข้ออ้างสารพัด ผมเชื่ออีกเช่นเดิมว่า เพื่อน ๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ จะไม่มีข้ออ้างอย่างคนทั่วไป
มีโมเดลในดวงใจ การที่เรามีดารา นางแบบ นายแบบในดวงใจสักคน เป็นอีกแหล่งแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้เรามีแรงผลักดันได้เป็นอย่างดี เพื่อน ๆ ลองหารูปดารา นางแบบ นายแบบ สวย ๆ ที่เราฝันอยากมีหุ่นแบบนั้นมาเก็บไว้ดูวันละ 3 เวลากันด้วยน่ะครับ ก่อนเข้ายิม ก่อนออกกำลังกาย ก็หยิบขึ้นมาชมสักหน่อย แล้วบอกกับตัวเองว่า ฉันทำได้ ฉันต้องหุ่นดีแบบนี้ ฉันต้องสวยให้คนรอบข้างอิจฉาให้ได้ ฉันจะเริ่มต้นออกกำลังกายตอนนี้เลย ลุย !
อยากใส่ชุดสวย ๆ เหมือนคนอื่นเค้า หัวข้อนี้สำรวจจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในกลุ่มโปรแกรมออกกำลังกายลดน้ำหนัก ซึ่งได้แสดงความเห็นว่า ที่อยากลดความอ้วน เพราะอยากใส่ชุดสวย ๆ บ้าง นี้ก็เป็นเป้าหมายที่ดีเช่นกันครับ การลดน้ำหนักลดความอ้วนนั้น แม้แต่เหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจได้เช่นกัน
อยากกลับมากระฉับกระเฉงเหมือนตอน 14 หัวข้อนี้ผมเอาเรื่องความอึดอัดกาย และเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองไว้ในข้อเดียวกันน่ะครับ เป้าหมายของบางคนบอกว่าอยากรู้สึกคล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งตอนนี้อึดอัดมาก หรือบางคนบอกว่าอยากสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับตัวเอง จริง ๆ ตอนนี้มีโรครุมเร้ามากมาย หมอสั่งให้ออกกำลังกายเลยต้องออก จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การออกกำลังกายลดความอ้วน ลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ดีเสมอครับ ดีทั้งต่อร่างกายภายนอก และภายใน
อยากทำให้คนรอบข้างเห็น/ลบความสบประมาท หลาย ๆ คนก็เคยเจอปัญหานี้เช่นกันครับ แต่หลาย ๆ คนก็เปลี่ยนแปลงตัวเองได้เช่นกัน คนรอบข้างเรียก “คุณอ้วน” “คุณพิกกี้” สารพัดที่จะกดดัน ดังนั้นเราสามารถเปลี่ยนแรงกดดันตรงนี้ให้เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราได้ แล้วเราจะภูมิใจกับผลลัพธ์ที่เป็นไป
เลือกภาพพักหน้าจอ เป็นรูปโมเดลที่สวย ๆ ที่เราต้องการอยากจะมีหุ่นแบบนั้นบ้าง ผมเชื่อว่าในแต่ละวันเพื่อน ๆ มีการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูมากกว่าเวลาทำงาน หรือกิจกรรมอื่น ๆ อย่างแน่นอนครับ ดังนั้น การตั้งรูปภาพหน้าจอเป็นรูปโมเดลของเราจะช่วยให้เกิดแรงผลักดันมากขึ้นเช่นกันครับ
จริง ๆ มีอีกเป็น 100 เหตุผลที่คนหนึ่งคนจะเริ่มต้นหันมาออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก และใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น แต่ถ้าผมเขียนไปก็คงไม่หมดแน่นอนครับ สิ่งที่ผมจะแนะนำคือ
ให้เขียนทุก ๆ เหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่เป็น Possitive และ Negative ลงบนกระดาษ A4 หาก 1 แผ่นไม่พอ ก็เขียนลงไปอีกหลาย ๆ แผ่นครับ แล้วเริ่มทำต้นทำสิ่งที่เขียนบนกระดาษให้เป็นจริงด้วยตัวเอง
ย้อนกับไปที่ตอนที่ 1 ผมได้ให้เพื่อน ๆ ได้สำรวจตัวเองเกี่ยวกับตัวเลขต่าง ๆ ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเปอร์เซ็นต์ไขมัน กล้ามเนื้อ และน้ำในร่างกาย ต่าง ๆ มี
2 สิ่งที่สำคัญมากในการลดน้ำหนัก และไม่ควรละเลย คือ การตั้งเป้าหมายในการลดไขมัน และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
ดังนั้น หากเปอร์เซ็นต์ไขมันเรายังเยอะอยู่ ก็ควรต้องลดมันลงมาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรูปร่างจะได้เปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ บางคนออกกำลังกายโดยไม่ได้ใส่ใจตัวเลขของ 2 ปัจจัยนี้เลย ก็อาจจะสำเร็จช้า หรืออาจจะล้มเลิกไปก็มีครับ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากรู้ว่ามีเหตุผลหรือเป้าหมายอะไรบ้างที่จะช่วยในการลดน้ำหนักได้ ลองเข้ามาดูตามลิงค์นี้ได้เลยน่ะครับ https://www.facebook.com/groups/715365321869457/887981064607881
สำหรับบทความนี้ ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ก่อนน่ะครับ พบกันใหม่ตอนที่ 3 ครับ